10 อันดับเมืองที่อากาศดีที่สุดในโลก
อันดับที่ 10
เมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย
เมืองหลวงที่มีพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งปกคลุมด้วยต้นไม้
อย่างไรก็ตาม
แม้อากาศจะดีเพียงใด ชาวเมืองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ
ยังคงพยายามใช้แต่พลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
อันดับที่ 9 เมืองซูริก
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เมืองซูริกมีระบบการตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ทันสมัยมากๆ
โดยทางการจะนำเซ็นเซอร์ตรวจวัดสภาพอากาศติดไว้กับรถประจำทางที่ออกท่องตาม
ถนนในหลายพื้นที่ เพื่อเก็บข้อมูลคุณภาพอากาศในแต่ละช่วงเวลาของวัน
และรายงานผลตรงไปยังอุปกรณ์มือถือของคนในเมืองทันที
อันดับที่ 8 กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน
ชาวเมืองที่นี่ใช้รถยนต์ระบบไฮบริด และเมืองนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องระเบียบการจัดการระบบการขนส่งที่เข้มงวด
มากๆ ตั้งแต่การเก็บค่าธรรมเนียมรถติด จากรถยนต์ที่ขับเข้าเมืองในช่วงเวลาที่มีการจราจรหนาแน่น
ทั้งยังมีการจำกัดเวลาจอดรถพร้อมกับเก็บค่าจอดแพงๆ อีกด้วย
เพื่อกันไม่ให้คนนำรถมาจอดเยอะเกินไป
อันดับที่ 7 กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
เมืองหลวงแห่งนี้มีการออกแบบถนนให้กว้างมากเป็นพิเศษ ทำให้การจราจรไม่ติดขัด
และประชาชนก็ยังทำตามคำแนะนำของรัฐบาล
โดยการร่วมด้วยช่วยกันหันไปใช้ระบบขนส่งมวลชนทันทีที่ทราบว่า
คุณภาพอากาศในเมืองเริ่มย่ำแย่แล้ว
อันดับที่ 6 เมืองออตตาวา รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา
สิ่งสำคัญที่ทำให้ออตตาวาเป็นเมืองที่อากาศดีติดอันดับมาจากโปรเจ็กต์ รณรงค์รักษาความสะอาดที่ทางการจัดให้มีขึ้นทุกปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และได้จัดอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 20 แล้ว โดยในปีก่อนหน้านี้ผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 60,000 คน ต่างร่วมมือร่วมใจกันทำความสะอาดสวนสาธารณะ ท้องถนน และพื้นที่ส่วนรวมในเขตเมือง
สิ่งสำคัญที่ทำให้ออตตาวาเป็นเมืองที่อากาศดีติดอันดับมาจากโปรเจ็กต์ รณรงค์รักษาความสะอาดที่ทางการจัดให้มีขึ้นทุกปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และได้จัดอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 20 แล้ว โดยในปีก่อนหน้านี้ผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 60,000 คน ต่างร่วมมือร่วมใจกันทำความสะอาดสวนสาธารณะ ท้องถนน และพื้นที่ส่วนรวมในเขตเมือง
อันดับ 5 เมืองแคลกะรี รัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา
มีการวางผังเมืองและระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ
ทำให้ลดปริมาณมลพิษลงได้อย่างดี นอกจากนี้ในเมืองยังมีแหล่งทิ้งขยะถึง
3 แห่ง เพื่อการคัดแยกขยะ
อันดับ 4
เมืองเกรตฟอลส์ รัฐมอนแทนา สหรัฐอเมริกา
เกรตฟอลส์ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงามเหมาะกับกิจกรรมกลาง
แจ้งอย่างเช่นการเดินป่า แต่ใครจะรู้ว่า เมืองนี้เกือบหวิดกลายเป็นเมืองมลพิษสูงไปแล้วเมื่อมีแผนก่อสร้างโรงงาน
อุตสาหกรรมถ่านหินขนาดใหญ่ในเมือง
แต่โชคดีที่ชาวเมืองแข็งขันร่วมใจกันประท้วงอย่างหนัก
แผนก่อสร้างโรงงานจึงต้องยกเลิกไปในที่สุด
อันดับ 3 เมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา
ส่วนสำคัญที่ทำให้อากาศบริสุทธิ์ก็เพราะปริมาณฝนจำนวนมากที่ตกลงมาใน
แต่ละปี และการออกแบบระบบขนส่งให้มีเลนสำหรับรถประจำทางโดยเฉพาะ
เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนนและลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศอีกด้วยอันดับ 3 เมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา
อันดับ 2 เมืองแซนตาเฟ รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา
สาเหตุที่เมืองแซนตาเฟมีมลพิษทางอากาศน้อย เนื่องจากที่ตั้งของเมืองอยู่ในพื้นที่ป่า และยังมีกฎหมายที่เข้มงวด
ห้ามการเผาไม้ในที่โล่งแจ้งด้วย
อันดับ 1 เมืองไวต์ฮอร์ส ประเทศแคนาดา
อันดับ 1 เมืองไวต์ฮอร์ส ประเทศแคนาดา
เหตุที่เมืองไวต์ฮอร์สมีอากาศบริสุทธิ์เป็นอันดับ
1 ของโลกนั้น นอกจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยตามธรรมชาติแล้ว
คงเป็นเพราะความหนาแน่นของประชากรที่น้อยเอามากๆ
แถมยังมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดเพื่อรักษาอากาศให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ