วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559


10 อันดับเมืองที่อากาศดีที่สุดในโลก


อันดับที่ 10 เมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย

               เมืองหลวงที่มีพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งปกคลุมด้วยต้นไม้ อย่างไรก็ตาม แม้อากาศจะดีเพียงใด ชาวเมืองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงพยายามใช้แต่พลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น



อันดับที่ 9 เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

               เมืองซูริกมีระบบการตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ทันสมัยมากๆ โดยทางการจะนำเซ็นเซอร์ตรวจวัดสภาพอากาศติดไว้กับรถประจำทางที่ออกท่องตาม ถนนในหลายพื้นที่ เพื่อเก็บข้อมูลคุณภาพอากาศในแต่ละช่วงเวลาของวัน และรายงานผลตรงไปยังอุปกรณ์มือถือของคนในเมืองทันที




อันดับที่ 8 กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน

               ชาวเมืองที่นี่ใช้รถยนต์ระบบไฮบริด และเมืองนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องระเบียบการจัดการระบบการขนส่งที่เข้มงวด มากๆ ตั้งแต่การเก็บค่าธรรมเนียมรถติด จากรถยนต์ที่ขับเข้าเมืองในช่วงเวลาที่มีการจราจรหนาแน่น ทั้งยังมีการจำกัดเวลาจอดรถพร้อมกับเก็บค่าจอดแพงๆ อีกด้วย เพื่อกันไม่ให้คนนำรถมาจอดเยอะเกินไป




อันดับที่ 7 กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์

               เมืองหลวงแห่งนี้มีการออกแบบถนนให้กว้างมากเป็นพิเศษ ทำให้การจราจรไม่ติดขัด และประชาชนก็ยังทำตามคำแนะนำของรัฐบาล โดยการร่วมด้วยช่วยกันหันไปใช้ระบบขนส่งมวลชนทันทีที่ทราบว่า คุณภาพอากาศในเมืองเริ่มย่ำแย่แล้ว



อันดับที่ 6 เมืองออตตาวา รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา

                 สิ่งสำคัญที่ทำให้ออตตาวาเป็นเมืองที่อากาศดีติดอันดับมาจากโปรเจ็กต์ รณรงค์รักษาความสะอาดที่ทางการจัดให้มีขึ้นทุกปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และได้จัดอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 20 แล้ว โดยในปีก่อนหน้านี้ผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 60,000 คน ต่างร่วมมือร่วมใจกันทำความสะอาดสวนสาธารณะ ท้องถนน และพื้นที่ส่วนรวมในเขตเมือง



อันดับ 5 เมืองแคลกะรี รัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา

               มีการวางผังเมืองและระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ลดปริมาณมลพิษลงได้อย่างดี นอกจากนี้ในเมืองยังมีแหล่งทิ้งขยะถึง 3 แห่ง เพื่อการคัดแยกขยะ 




อันดับ 4 เมืองเกรตฟอลส์ รัฐมอนแทนา สหรัฐอเมริกา

               เกรตฟอลส์ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงามเหมาะกับกิจกรรมกลาง แจ้งอย่างเช่นการเดินป่า แต่ใครจะรู้ว่า เมืองนี้เกือบหวิดกลายเป็นเมืองมลพิษสูงไปแล้วเมื่อมีแผนก่อสร้างโรงงาน อุตสาหกรรมถ่านหินขนาดใหญ่ในเมือง แต่โชคดีที่ชาวเมืองแข็งขันร่วมใจกันประท้วงอย่างหนัก แผนก่อสร้างโรงงานจึงต้องยกเลิกไปในที่สุด





อันดับ 3 เมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา
          ส่วนสำคัญที่ทำให้อากาศบริสุทธิ์ก็เพราะปริมาณฝนจำนวนมากที่ตกลงมาใน แต่ละปี และการออกแบบระบบขนส่งให้มีเลนสำหรับรถประจำทางโดยเฉพาะ เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนนและลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศอีกด้วย





อันดับ 2 เมืองแซนตาเฟ รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา

               สาเหตุที่เมืองแซนตาเฟมีมลพิษทางอากาศน้อย เนื่องจากที่ตั้งของเมืองอยู่ในพื้นที่ป่า และยังมีกฎหมายที่เข้มงวด ห้ามการเผาไม้ในที่โล่งแจ้งด้วย





อันดับ 1 เมืองไวต์ฮอร์ส ประเทศแคนาดา

เหตุที่เมืองไวต์ฮอร์สมีอากาศบริสุทธิ์เป็นอันดับ 1 ของโลกนั้น นอกจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยตามธรรมชาติแล้ว คงเป็นเพราะความหนาแน่นของประชากรที่น้อยเอามากๆ แถมยังมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดเพื่อรักษาอากาศให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ